
คุณแม่รู้ไหมคะพัฒนาการของลูกน้อยเริ่มต้นตั้งแต่วันแรกที่เป็นทารก เมื่อร่างกายของลูกเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ การปูพื้นฐานให้ลูกน้อยมีร่างกายที่แข็งแรงโดยเฉพาะในช่วงอายุ 1 - 3 ขวบ จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะ วัย 3 ขวบปีแรกถือเป็นจังหวะทองของพัฒนาการ คุณแม่จึงควรเสริมสร้างให้ลูกทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย สมอง และอารมณ์ ได้แก่
เคล็ดลับเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย สมองและอารมณ์ให้ลูกน้อย
1.ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย
คุณแม่ควรส่งเสริมและติดตามพัฒนาการของลูกแต่ละช่วงวัย ควรฝึกให้ลูกได้เคลื่อนไหว และออกกำลังกายเป็นประจำ เพราะในช่วง 3 ขวบปีแรก ลูกต้องการเรียนรู้ทักษะการเคลื่อนไหว การทรงตัว การทำงานประสานกันของมือ ตา และเท้า ดังนั้นกิจกรรมสำหรับเด็กในช่วง 3 ขวบปีแรกจะออกมาในรูปแบบของการเล่นอย่างอิสระ ประมาณ 30 - 60 นาที ซึ่งจะช่วยเสริมสร้าง “ก้าวแรก” ของพัฒนาการด้านร่างกายให้ลูกเป็นอย่างดี โดยคุณแม่สามารถส่งเสริมพัฒนาการของลูกด้วยกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
อายุ | พัฒนาการตามวัย | กิจกรรมส่งเสริมพัฒนาการ |
---|---|---|
1 – 1½ ขวบ | • ยืนด้วยตัวเองได้ชั่วครู่, จูงมือเดิน • วางของซ้อนกันได้ 2 ชิ้น, ใส่วงกลมในช่อง, ปักหมุดลงในช่อง • เรียกพ่อแม่เป็นคำสั้น ๆ ได้ หรือคำที่มีพยางค์เดียว • ใช้ช้อนตักอาหารเองได้ แต่ยังหกอยู่บ้าง | • ฝึกให้ลูกยืนด้วยตัวเอง - ช่วงนี้เป็นช่วงที่ลูกจะเริ่มยืน และก้าวเดินได้ด้วยตัวเองบ้าง คุณแม่ลองยืนห่างจากเขา แล้วพูดว่า “มานี่สิจ๊ะ” เพื่อให้เขาฝึกเดินมาหาด้วยความพยายามของตัวเอง • ฝึกให้ลูกเล่นของเล่นลากดึง เช่น หมุดไม้ ห่วงไม้ ตัวต่อที่แกะออกได้ ของเล่นล้อลาก • ฝึกให้ลูกหยิบตักอาหารเอง - ในช่วงนี้สิ่งที่คุณแม่ควรทำ คือ ฝึกให้ลูกจับช้อน ช่วยจับมือลูกตักอาหารเข้าปาก เพื่อฝึกให้ลูกรับผิดชอบตัวเองได้ ปล่อยให้ลูกนั่งเก้าอี้ วางช้อนส้อมไว้ให้เขา แล้วให้เขาลองหยิบจับด้วยตัวเอง จะทำหกเลอะพื้นบ้าง ก็คอยบอกเขา และทำให้ดูเป็นตัวอย่าง - เลือกถ้วยชามที่มีสีสันสดใส ลวดลายน่ารัก จะช่วยจูงใจลูกให้อยากทานอาหารมากขึ้น และเลือกช้อน ส้อม มีด ที่ลูกจับถนัดมือ ทนทานต่อการกระแทก และควรทำจากพลาสติกที่มีลักษณะโค้งมน ปราศจากอันตราย เพื่อฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็ก ข้อมือ นิ้ว และสายตาด้วย ![]() |
1½ – 2 ขวบ | • เดินได้คล่อง, เริ่มวิ่งได้, เดินจูงมือขึ้นบันได, เดินถอยหลัง • วางของเล่นไม้ซ้อนกันได้ 4 - 6 ชิ้น, แยกสี 2 สี, ชี้ตามรูปที่บอกได้ • ขีดเขียนเล่น, ขีดเส้นเป็นเส้นแนวนอน • รู้จักคำต่าง ๆ มากขึ้น พูด 2 คำ ต่อกันอย่างมีความหมายหรือพูดคำที่มีความหมายอย่างน้อย 50 - 100 คำ • เลียนแบบการทำงานบ้าน • ใช้ช้อนตักอาหารเองได้ | • พาลูกออกไปเล่นสนามหญ้า หรือสนามเด็กเล่น - ในช่วงนี้เด็กจะสนุกกับอะไรใหม่ ๆ ชอบปีนป่าย ขั้นบันได มุดใต้โต๊ะ ชอบเคลื่อนไหว คุณแม่ลองให้ลูกเล่นสไลเดอร์ และของเล่นสนามเด็กเล่นต่าง ๆ ช่วยฝึกการเคลื่อนไหวให้คล่องแคล่ว ฝึกกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ![]() • ชวนลูกออกกำลังกาย เช่น วิ่งเหยาะ ๆ • ฝึกให้ลูกเล่นของเล่นที่ซับซ้อนกว่าเดิม เช่น สร้างหอคอยบล็อกไม้ 4 ชิ้น หรือจับรูปทรงใส่ห่วง • พูดคุยเกี่ยวกับสิ่งรอบตัว ให้ดูภาพ เล่าเรื่อง หรือเล่านิทานสั้น ๆ • ฝึกให้ลูกรู้สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ - คุณแม่ควรพูดกับเขาด้วยความใจเย็น สอนให้เขาเข้าใจและรู้จักเหตุผล รู้จักอดทน อดกลั้น เช่น สอนให้เขาทำตามคำสั่งง่าย ๆ เริ่มจากการเก็บของเล่นให้เข้าที่หลังเล่นเสร็จ |
3 ขวบ | • เตะบอล, ขว้างบอล, ขี่จักรยาน, กระโดดอยู่กับที่, เดินขึ้นลงบันได • เปิดหนังสือทีละแผ่น, ต่อก้อนไม้ได้ 8 ชั้น, เขียนกากบาท • พูดเป็นประโยคได้ พูดชื่อตัวเอง ร้องเพลงง่าย ๆ ได้ • บอกความต้องการของตนเองได้, รู้จักให้และรอ • ถอดเสื้อผ้าและใส่เองได้ • เริ่มเล่นเข้ากลุ่ม แยกจากแม่ได้ | • ฝึกให้ลูกเล่นสนามเด็กเล่นร่วมกับเพื่อน หรือออกกำลังกาย เช่น ปีนป่าย ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ ขว้างบอลได้ไกลขึ้น ยืนขาเดียวได้ - ในช่วงนี้เริ่มเล่นกับเพื่อน และสนใจเด็กคนอื่นมากขึ้น โต้ตอบกันอย่างง่าย ๆ เช่น ยื่นของให้กันแล้วพูดคำว่า ‘ให้’ หรือ ‘ขอบคุณ’ เป็นต้น ซึ่งในวัยนี้เด็กจะแย่งของเล่นกันอยู่ ผู้ใหญ่ควรคอยดูแลด้วย • ฝึกให้ลูกขีดเขียน ระบายสี เล่นบทบาทสมมติ - เริ่มขีดเขียน ใช้สีเทียนวาดวงกลมได้ ซึ่งการที่เด็กทำได้ แสดงให้เห็นว่าเขาใช้ปลายนิ้วได้คล่องแล้ว ![]() • พูดคุยและเล่านิทาน ร้องเพลงกับลูก • ฝึกให้ลูกทำกิจวัตรประจำวันด้วยตนเอง เช่น แต่งตัวเอง กินข้าวเอง |
กิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับเด็กวัย 1-3 ขวบ คือ
1.ว่ายน้ำ : คุณแม่ไม่ต้องกังวลหรือกลัวลูกจะเป็นอันตราย เพราะกิจกรรมนี้สามารถเริ่มฝึกให้ลูกคุ้นชินกับน้ำได้ตั้งแต่ยังเป็นทารก เนื่องจากพวกเขามีความคุ้นเคยการอยู่ในน้ำคล่ำตั้งแต่อยู่ในท้อง ดังนั้นเมื่อลงน้ำหรือจะจมน้ำจะมีสัญชาตญาณในการกลั้นหายใจได้อัตโนมัติ ประโยชน์ของการว่ายน้ำ จะช่วยกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายทำงาน และเคลื่อนไหวอย่างอิสระ และกระตุ้นการทำงานของประสาทสัมผัสได้อย่างดี
2.ปั่นจักรยาน : กิจกรรมปั่นจักรยาน ช่วยให้ลูกมีทักษะการทรงตัว การบังคับทิศทางและการเคลื่อนไหวที่ดี ทั้งยังได้เผาผลาญพลังงานในร่างกาย ช่วยฝึกสมาธิ และได้สนุกไปกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัวด้วย

3.วิ่งเล่น : การวิ่งเล่นอย่างอิสระเป็นกิจกรรมง่าย ๆ ที่สามารถเล่นได้กับเพื่อน ๆ หรือครอบครัว ช่วยให้ร่างกายทุกส่วนของลูกได้เคลื่อนไหว ช่วยกระตุ้นการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้อย่างดี
4.ปีนป่าย : คุณพ่อคุณแม่ควรพาลูกออกไปเล่นสนามเด็กเล่น เพื่อให้เขาปีนป่าย ให้กล้ามเนื้อทุกส่วนได้ทำงานอย่างเต็มที่ และได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเพื่อนในวัยเดียวกันด้วย
ข้อดีของการออกกำลังกาย
✔ ช่วยลดความเครียด
✔ ช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีเกี่ยวกับตัวเอง
✔ ช่วยรักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสม
✔ ช่วยสร้างและรักษาความแข็งแรงของกระดูก กล้ามเนื้อ และข้อต่อต่าง ๆ
✔ ช่วยให้นอนหลับสบายขึ้นในเวลากลางคืน
✔ ช่วยให้ลูกรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และช่วยให้เขารู้จักโลกภายนอกมากขึ้น
2.ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านสมอง
ใน 3 ขวบปีแรก คือช่วงเวลาที่สมองจะมีการพัฒนามากถึง 80%! คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมประสบการณ์ และเสริมทักษะให้ลูก โดยเฉพาะ “การส่งเสริมให้ลูกเล่นนอกบ้าน” ซึ่งจะช่วยเสริมพัฒนาการทางสมองได้มากมาย เพราะเด็กช่วงวัยนี้มีความอยากรู้อยากเห็นและอยากรู้จักโลก จากเดิมที่เคยชินแต่การอยู่ในบ้าน เป็นที่ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย เด็ก ๆ ก็เริ่มอยากออกไปวิ่งเล่นในสวนสาธารณะ สนามเด็กเล่น และสถานที่อื่น ๆ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ลูกจะได้เรียนรู้ และสำรวจสิ่งใหม่ เพิ่มทักษะต่าง ๆ ได้ เช่น

- เพิ่มทักษะการคิดวิเคราะห์
การเล่นช่วยให้ลูกได้ขยับร่างกาย และทุกครั้งที่มีการขยับ เท่ากับสมองได้สั่งการให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายทำงานสัมพันธ์กัน ซึ่งสามารถกระตุ้นผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 เพื่อสร้างประสบการณ์ เกิดการจดจำ การคิดวิเคราะห์ และช่วยเชื่อมโยงเครือข่ายใยประสาทในสมองให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มทักษะความคิดสร้างสรรค์ และจินตนาการ
เมื่อลูกได้เล่นนอกบ้าน เขาจะได้เรียนรู้จากสิ่งรอบตัว ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับเพื่อน ได้สร้างโลกใบใหม่ร่วมกับเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่มีกรอบจำกัดทางจินตนาการมาปิดกั้น ทำให้พวกเขาได้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา รวมทั้งได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ผ่านประสบการณ์รอบตัว โดยเฉพาะจากห้องเรียนธรรมชาตินอกบ้าน เช่น ได้สัมผัสพื้นดิน ได้ฟังเสียงสัตว์ร้อง ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ เป็นต้น
- เพิ่มทักษะการเข้าสังคม
การให้ลูกเล่นนอกบ้าน เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่ให้ลูกได้ทำความรู้จักกับเพื่อนคนอื่น ได้ฝึกทั้งการเป็นผู้รับและผู้ให้ รู้จักฝึกความอดทน ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เรียนรู้และเข้าใจความแตกต่าง การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น และที่สำคัญได้ฝึกทักษะการใช้ภาษาและการสื่อสารด้วย
3.ส่งเสริมพัฒนาการทางด้านอารมณ์

ในช่วง 1 - 3 ขวบ พัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูกเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะในช่วงวัยนี้ ลูกจะเริ่มมีลักษณะอารมณ์คล้ายกับวัยผู้ใหญ่ คือ โกรธ อิจฉา กลัว ก้าวร้าว รัก พอใจ ฯลฯ ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจน การส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการทางด้านอารมณ์ที่ดี จะทำให้ลูกสามารถปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อม สังคม และเพื่อน ๆ ได้ดีในอนาคต เพื่อเป็นการเตรียมตัวตั้งรับกับพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูก ตามไปดูพัฒนาการที่จะเกิดขึ้นในแต่ละช่วงวัยกันเลย
อายุ | พัฒนาการด้านอารมณ์ |
---|---|
1 – 1½ ขวบ | - เข้าใจท่าทาง และสีหน้าของผู้อื่น - รู้สึกอยากทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยตนเอง เริ่มช่วยเหลือตนเองได้ - จะรู้สึกโกรธเมื่อถูกขัดใจ เด็กวัยนี้จะยังไม่เข้าใจเหตุผลยาว ๆ คุณพ่อคุณแม่ควรพูดเหตุผลสั้น ๆ แล้วเบี่ยงความสนใจ ไปหาสิ่งที่น่าสนใจกว่า บอกเขาว่า “อันนี้เล่นไม่ได้ มาเล่นอันนี้ดีกว่านะลูก” เมื่อเขาลืมสิ่งที่อยากได้ตอนแรก ก็จะหยุดอารมณ์โกรธลงได้ - ตัดสินใจทำได้ด้วยตนเอง - สนใจการกระทำของผู้ใหญ่ |
1½ – 2 ขวบ | - ส่องกระจก และรับรู้ว่าเป็นภาพของตนเอง - เริ่มมีพฤติกรรมเลียนแบบ เด็กวัยนี้จะสังเกตแม่ตลอด เริ่มสนใจงานในครัวของแม่ ชอบเล่นทำหรือเสิร์ฟอาหาร ช่วงวัยใกล้ 3 ขวบจะใช้มีดเล่นของเล่นหั่นผักที่มีแม่เหล็กติดตรงกลางได้ |
3 ขวบ | - กลัวตามสิ่งที่ผู้ใหญ่กลัว ![]() - รู้จักการขอในสิ่งที่อยากได้ และเรียนรู้การแบ่งปันด้วยการให้ - เริ่มรู้จักรอคอยสิ่งต่าง ๆ ได้ |
สิ่งสำคัญที่สุดของพัฒนาการทางด้านอารมณ์ของลูกคือ คุณพ่อคุณแม่ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ลูกในการควบคุมอารมณ์อย่างเหมาะสม หากลูกเริ่มมีพฤติกรรมการแสดงออกทางอารมณ์ในด้านลบ คุณพ่อคุณแม่ควรเข้าใจ ค่อย ๆ สอนอย่างค่อยเป็นค่อยไป ควรมอบความรัก ความเข้าใจ ความเอาใจใส่ และปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้ด้วยตนเอง หรืออาจจะใช้สื่อเป็นตัวช่วย เช่น นิทาน หรือการ์ตูนที่สอดแทรกแง่มุมดี ๆ ให้ลูกได้เห็นตัวอย่างผลลัพธ์ของการแสดงออกทางอารมณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบ จะช่วยเป็นแนวทางควบคุม ขัดเกลา และแสดงออกอย่างเหมาะสม พร้อมส่งเสริมให้ลูกมีสุขภาพจิตที่ดี มีอารมณ์แจ่มใส ไม่โกรธง่าย และสามารถเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดีในอนาคตอีกด้วย

ตัวช่วยเสริมพัฒนาการด้านร่างกาย สมอง และอารมณ์ โดยให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดี
อาหารที่เหมาะสมเป็นส่วนหนึ่งของการเจริญเติบโตอย่างมีสุขภาพที่ดี ลูกน้อยต้องการสารอาหารสำคัญเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการอย่างเต็มที่ คุณแม่จึงควรให้ลูกน้อยได้รับสารอาหารสำคัญอย่างครบถ้วน เพื่อพัฒนาการทางด้านร่างกาย สมอง และอารมณ์อย่างเต็มศักยภาพ พยายามให้ลูกกินอาหารที่มีประโยชน์อย่างสมดุล รวมถึงวิตามินและแร่ธาตุสำคัญ ได้แก่
1. ดีเอชเอ เป็นสารอาหารสำคัญของระบบประสาทและสมองของลูกน้อย มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างเซลล์สมอง และจอประสาทตา ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของปลายประสาท¬¬ ทำหน้าที่ในการถ่ายทอดสัญญาณ และส่งผ่านข้อมูลระหว่างเซลล์สมองด้วยกัน ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างดีเอชเอขึ้นเองได้ ต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น เช่น ในน้ำนมแม่ ปลาทะเลน้ำลึก สาหร่ายบางชนิด
2. แอลจีจี หรือจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์แอลจีจี จุลินทรีย์สายพันธุ์ที่มีงานวิจัยรองรับมากที่สุด ว่าช่วยในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการติดเชื้อในทางเดินหายใจ และทางเดินอาหาร รวมถึงช่วยลดจำนวนวันขาดเรียน จากการติดเชื้อได้ถึง 40%
3. แคลเซียม ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี มีส่วนช่วยในการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง เด็กในวัย 1-3 ขวบ ควรได้รับแคลเซียม 500 มิลลิกรัม/วัน
เคล็ดลับง่าย ๆ เพื่อเสริมพัฒนาการให้ลูกน้อยวัยเตาะแตะ คุณพ่อคุณแม่จึงควรเสริมพัฒนาการทางด้านร่างกาย สมอง และอารมณ์ ควบคู่ไปพร้อมกับการเสริมด้วยโภชนาการที่ดีเพื่อให้ลูกได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยเฉพาะการเลือกนมที่เสริมสารอาหารหลากหลายสำหรับลูกน้อย โดยเฉพาะ DHA สำหรับเด็ก จุลินทรีย์โพรไบโอติกส์แอลจีจี และ แคลเซียม เพื่อช่วยการทำงานของระบบประสาทและสมองอย่างเต็มที่ ดังนั้นการได้รับโภชนาการที่เหมาะสมจะช่วยให้ลูกน้อยเจริญเติบโตดีและมีความสุข ปรึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Mommy Bear Club คลับคุณแม่ เพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ คลิก https://www.nestlemomandme.in.th/user/register