MyFeed Personalized Content
โปรแกรมคำนวณอายุครรภ์ นับอายุครรภ์ คำนวณวันคลอดและวันครบกำหนดคลอด

โปรแกรมคำนวณอายุครรภ์ นับอายุครรภ์ คำนวณวันคลอดและวันครบกำหนดคลอด

ให้คุณแม่เตรียมความพร้อมต้อนรับวันที่ลูกน้อยลืมตาดูโลก

วันกำหนดคลอดของคุณแม่ เป็นเพียงการคำนวณเบื้องต้นเท่านั้น ควรได้รับการตรวจเพิ่มเติมจากคุณหมอ เพื่อความแม่นยำและเพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อยในครรภ์และตัวคุณแม่นะคะ

วันแรกของประจำเดือนรอบล่าสุด

User will most likely use this feature mainly on mobile. Therefore touch events and date picker etc.

สรุป

  • การใช้โปรแกรมนับอายุครรภ์ช่วยให้คุณแม่สามารถคำนวณอายุครรภ์ได้อย่างแม่นยำ และทราบประมาณการ วันครบกำหนดคลอด
  • โปรแกรมคำนวณอายุครรภ์ ช่วยนับอายุครรภ์ และคำนวณประมาณการวัน ครบกำหนดคลอด ทั้งยังเป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณแม่มือใหม่สามารถวางแผนและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนที่สมาชิกใหม่ตัวน้อยจะลืมตาดูโลก

การคำนวณอายุครรภ์ หรือการนับอายุครรภ์ นอกจากจะช่วยให้ทราบกำหนดคลอดที่แน่ชัดดี แล้ว ยังทำให้คุณแม่ทราบถึงสุขภาพโดยรวมของทารกในแต่ละช่วงของการตั้งครรภ์ได้ด้วยเช่นกัน หากทารกในครรภ์มีความผิดปกติ แพทย์ก็จะสามารถวินิจฉัยให้การดูแลรักษาได้อย่างถูกจุด ดังนั้นการนับอายุครรภ์จึงเป็นสิ่งที่คุณแม่ควรใส่ใจและให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

การนับอายุครรภ์ คืออะไร

การนับอายุครรภ์ คือ การคำนวณอายุของการตั้งครรภ์ ซึ่งจะทำให้ทราบว่าตอนนี้คุณแม่มีอายุครรภ์เท่าไหร่ และทารกในครรภ์ควรมีพัฒนาการอย่างไร

โดยปกติแล้วอายุครรภ์จะอยู่ที่ 40 สัปดาห์ หรือประมาณ 280 วัน นับจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย ซึ่งนอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกน้อยในครรภ์แล้ว การนับอายุครรภ์ยังช่วยให้แพทย์สามารถวางแผนการดูแลรักษา และสามารถทราบถึงวันครบกำหนดคลอดได้อีกด้วย

การนับอายุครรภ์ คืออะไร

นับอายุครรภ์ ทำได้อย่างไร

การนับอายุครรภ์สามารถทำได้หลากหลายวิธี ดังนี้

นับอายุครรภ์จากวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้าย

  • นับเพิ่มจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย ไปอีก 9 เดือน 7 วัน
  • นับย้อนหลังจากวันแรกของประจำเดือนครั้งสุดท้าย ไป 3 เดือน แล้วบวกเพิ่ม 7 วัน ยกตัวอย่างเช่น หากวันแรกที่ประจำเดือนของคุณแม่มาครั้งสุดท้าย คือวันที่ 15 พฤษภาคม ก็ให้นับย้อนหลังไป 3 เดือนตามลำดับ ซึ่งจะตรงกับเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นจึงบวกเพิ่มอีก 7 วัน ก็จะตรงกับวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นั่นเอง

นับอายุครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรืออัลตราซาวด์

นอกจากการนับจากวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายที่คุณแม่สามารถนับได้ด้วยตัวเองแล้ว ยังมีอีกหนึ่งที่ใช้ในการนับอายุครรภ์ ก็คือการนับอายุครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรืออัลตราซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งเป็นการตรวจวินิจฉัยโดยแพทย์ โดยวัด จากความยาวของศีรษะถึงก้นกบ และอวัยวะต่าง ๆ ของทารกในครรภ์ ซึ่งวิธีนี้จะมีความแม่นยำสูงและทำให้ทราบถึงอายุครรภ์และสุขภาพ โดยรวม ของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์

การนับอายุครรภ์เป็นสัปดาห์ นับอย่างไร

โดยปกติแล้ว การนับอายุครรภ์จะนับเป็นแบบรายสัปดาห์ เนื่องจากในแต่ละเดือนมีจำนวนวันที่แตกต่างกัน ทำให้มีสัปดาห์ที่แตกต่างกันด้วย ซึ่งการนับอายุครรภ์เป็นรายสัปดาห์สามารถใช้วิธีเดียวกับการนับอายุครรภ์จากประจำเดือนครั้งสุดท้ายได้ โดยนับได้จากวันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้ายเป็นวันที่ 0 และนับต่อไปจนถึงวันที่ 6 สัปดาห์นี้จะถือเป็นสัปดาห์ที่ 0 และวันที่ 7-13 ก็จะถือว่าเป็นสัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์

ตารางนับอายุครรภ์

คุณแม่มือใหม่สามารถดูตารางเปรียบเทียบการนับอายุครรภ์เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นได้ ดังนี้

ไตรมาส

เดือน

สัปดาห์

ไตรมาสที่ 1

เดือนที่ 1

สัปดาห์ที่ 1-4

เดือนที่ 2

สัปดาห์ที่ 5-8

เดือนที่ 3

สัปดาห์ที่ 9-13

ไตรมาสที่ 2

เดือนที่ 4

สัปดาห์ที่ 14-17

เดือนที่ 5

สัปดาห์ที่ 18-21

เดือนที่ 6

สัปดาห์ที่ 22-26

 

ไตรมาสที่ 3

 

 

เดือนที่ 7

 

สัปดาห์ที่ 27-30

เดือนที่ 8

สัปดาห์ที่ 31-35

เดือนที่ 9

สัปดาห์ที่ 36-40

การนับอายุครรภ์ตั้งแต่ปฏิสนธิ นับอย่างไร

การนับอายุครรภ์ตั้งแต่ปฏิสนธิ จะมีความซับซ้อนกว่าการนับอายุครรภ์จากวันแรกที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้าย เพราะจะมีการนำวันไข่ตกมาใช้ประกอบการคำนวณด้วย ซึ่งปกติแล้วไข่จะตกก่อนประจำเดือนรอบใหม่มา 2 สัปดาห์ ทำให้อายุครรภ์ตั้งแต่ปฏิสนธิช้ากว่าอายุครรภ์ที่นับจากวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้าย 2 สัปดาห์ ดังนั้น อายุครรภ์ที่นับจากวันที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายจะเท่ากับอายุครรภ์ตั้งแต่ปฏิสนธิ +2 สัปดาห์

เช็กอายุครรภ์ มีประโยชน์อย่างไร

แต่ละช่วงอายุครรภ์จะมีการดูแลรักษาที่คุณแม่ควรเอาใจใส่และควรระมัดระวังแตกต่างกันออกไป การนับอายุครรภ์จึงมีประโยชน์ต่อการทราบพัฒนาการและสุขภาพโดยรวม ของทั้งคุณแม่เองและทารกในครรภ์ เพื่อที่จะได้วางแผนการดูแลถูกต้องเหมาะสมที่สุด เปรียบเสมือนการเตรียมพร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ตัวน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลก

ไขข้อข้องใจเรื่องการนับอายุครรภ์

จะรู้ได้อย่างไรว่าท้องกี่เดือน?

นอกจากการคำนวณด้วยตนเองคร่าว ๆ ตามวิธีการที่บอกไปข้างต้นแล้ว คุณแม่ควรไปตรวจครรภ์กับแพทย์และทำการฝากครรภ์ เพราะการคำนวณด้วยตนเองบางครั้งก็อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ ทางแพทย์จะมีการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวันที่มีเพศสัมพันธ์ วันแรกของการมีประจำเดือนครั้งสุดท้าย สัญญาณของการตั้งครรภ์ อาการ รวมทั้งปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งจะทำให้ทราบอายุครรภ์ที่แม่นยำมากขึ้น

กำหนดคลอดคำนวณยังไง?

คุณแม่สามารถคำนวณวันครบกำหนดคลอดเองได้คร่าว ๆ ตามหลักกฎเนเกล (Naegele’s Rule) ได้ นั่นก็คือ นำวันแรกของประจำเดือนครั้งล่าสุด บวก 1 ปี ลบ 3 เดือน และบวกอีก 7 วัน เช่น วันแรกที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่ 1 มกราคม 2566 เมื่อบวก 1 ปี = 1 มกราคม 2567
ลบ 3 เดือน = 1 ตุลาคม 2566
บวก 7 วัน = 8 ตุลาคม 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดคลอดนั่นเอง
เมื่อใกล้ถึงวันครบกำหนดคลอด ร่างกายของคุณแม่จะเริ่มส่งสัญญาณเตือนใกล้คลอดต่างๆ ให้คุณแม่รู้ตัว และคอยสังเกตอาการตัวเองเพื่อเตรียมพบแพทย์ ทั้งนี้ หากต้องการความแม่นยำที่สุดแนะนำให้คุณแม่เข้ารับการตรวจจากแพทย์โดยตรง

ไข่ตกช้า นับอายุครรภ์อย่างไร?

หากคุณแม่ท่านใดประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือจำไม่ได้ว่าวันแรกที่มีประจำเดือนครั้งสุดท้ายคือวันที่เท่าไหร่ ก็สามารถเข้าพบเข้าพบสูตินารีแพทย์ เพื่อนับอายุครรภ์ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง หรือที่เรียกกันว่า อัลตราซาวด์ (Ultrasound) นั่นเอง

ผลอัลตร้าซาวด์ เชื่อถือได้แค่ไหน การตรวจอัลตร้าซาวด์มีความผิดพลาดหรือไม่

แม้ว่าการตรวจอัลตราซาวด์ (Ultrasound) ในไตรมาสแรกนั้นจะมีความแม่นยำสูง แต่ก็มีโอกาสที่จะผิดพลาดได้จาก สาเหตุหลักๆ คือ

อวัยวะของทารกไม่ได้สร้างเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่ในครรภ์ ความผิดปกติจึงอาจเกิดตอนหลังคลอดได้ อวัยวะบางอย่างมันเล็กมาก บางอย่างเรามองไม่เห็น อย่างนิ้วถ้าเด็กไม่กางมา เราก็มองไม่เห็น หรือหัวใจถ้าเล็กกว่าครึ่งเซ็นต์ ก็มองไม่เห็น อวัยวะของเด็กในท้องกับนอกท้องไม่เหมือนกัน ท่าทางของเด็ก อาจบดบังการมองเห็นภาพอวัยวะต่างๆ ได้

เมื่อทราบดังนี้แล้ว การนับอายุครรภ์จึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งต่อคุณแม่ทุกคน หากพบว่ามีอาการที่เข้าข่ายการตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่เอง และจะได้สามารถติดตามพัฒนาการของทารกน้อยในครรภ์ให้เติบโตไปอย่างสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด

อ้างอิง: