MyFeed Personalized Content
พัฒนาการลูก 0-36 เดือน
บทความ

PLAYING: เทคนิคเสริมสร้างความแกร่งจึงเก่งได้อย่างใจฝันในช่วงเวลาสำคัญ

Add this post to favorites

เทคนิคเสริมสร้างความแกร่งจึงเก่งได้อย่างใจฝันในช่วงเวลาสำคัญ

ช่วงอายุ 1 - 2 ปี เป็นช่วงสำคัญของเด็ก ๆ ที่จะมีพัฒนาการอย่างรวดเร็วในทุก ๆ ด้าน โดยเฉพาะ 3 พัฒนาการหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสมอง ระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ และ การเจริญเติบโต รวมถึงพฤติกรรม ทักษะต่าง ๆ ของลูกที่มีการพัฒนาขึ้นจนคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

2นาที อ่าน

พัฒนาการด้านสมอง ภูมิคุ้มกัน และการเจริญเติบโตของลูกน้อยในวัย 1 – 2 ขวบ

พัฒนาการทางด้านสมองและสติปัญญา

ลูกน้อยเริ่มมีพัฒนาการทางด้านการสื่อสาร การแสดงออก การจดจำ และการใช้ภาษาได้ดียิ่งขึ้น

พัฒนาการทางด้านภูมิคุ้มกัน

ลูกน้อยจะค่อย ๆ สร้างภูมิคุ้มกันเป็นของตัวเองจากระยะแรกที่ได้รับสารอาหารจากนมแม่ และหลังจากที่ลูกเริ่มทานอาหารอื่นเสริมจากนมแม่ได้ ภายในลำไส้จะมีการพัฒนาของจุลินทรีย์ชนิดดีใกล้เคียงในวัยผู้ใหญ่ คุณแม่ควรเสริมสารอาหารที่ดีต่อระบบภูมิคุ้มกันอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปด้วย เพื่อให้ลูกสามารถพัฒนาศักยภาพด้านต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่เจ็บป่วยง่าย อารมณ์ดีอยู่เสมอ

พัฒนาการทางด้านร่างกายและการเจริญเติบโต

คุณแม่จะเริ่มสังเกตเห็นว่า ลูกน้อยค่อนข้างมีพัฒนาการด้านร่างกายที่ชัดเจนขึ้น ใช้ร่างกายทำสิ่งต่าง ๆ ได้มากขึ้น ความสูงเพิ่มมากขึ้น และการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วขึ้น

เมื่อพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยดีแล้ว การเตรียมความพร้อมให้ลูกมีภาวะผู้นำก็สำคัญเช่นกัน เพราะภาวะผู้นำของลูกน้อยในวันนี้จะเป็นรากฐานให้กับอนาคตของลูก การปูพื้นฐานให้ลูกมีภาวะผู้นำมีข้อดีอย่างไร ตามไปดูกันเลย

พัฒนาด้านร่างกาย

5 ข้อดีหากลูกน้อยมีพื้นฐานภาวะผู้นำ

1. กล้าคิด กล้าตัดสินใจได้ด้วยตนเอง
2. มีทักษะการเอาตัวรอดและช่วยเหลือตัวเองได้
3. มีเหตุผล รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
4. มีความมั่นใจ กล้าแสดงออก ซึ่งจะช่วยให้ลูกโดดเด่นจนเป็นที่ยอมรับของผู้อื่น
5. มีความอดทน มุ่งมั่นที่จะทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ เป็นแนวทางให้ประสบความสำเร็จในอนาคต

เชื่อว่าจากข้อดีข้างต้น คุณพ่อคุณแม่เริ่มอยากให้ลูกน้อยของตนเองมีภาวะผู้นำขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ แต่จะทำอย่างไรให้ลูกน้อยมีทักษะดังกล่าว มาเตรียมรับมือ และเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กันเลย

เทคนิคเสริมพัฒนาการด้านสมอง ภูมิคุ้มกัน และการเจริญเติบโต ให้ลูกแกร่งจึงเก่งได้อย่างใจฝัน

เทคนิคเสริมพัฒนาการด้านสมอง

1. ปล่อยให้ลูกน้อยฝึกตัดสินใจด้วยตัวเอง

คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะให้สิทธิ์ลูกน้อยในการตัดสินใจด้วยตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูก โดยคอยดูอยู่ห่าง ๆ ให้ลูกได้เรียนรู้ถูกผิดกับการช่วยเหลือตัวเองในเรื่องง่าย ๆ คอยให้กำลัง และชื่นชมหากลูกสามารถทำได้ดี ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลูกกล้าหาญ และมีความภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเอง

2. ปลูกฝังความอดทนให้กับลูกน้อย ไม่ให้ล้มเลิกกับอะไรง่าย ๆ

คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะกระตุ้นและผลักดันให้ลูกน้อยได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำ และสร้างแรงจูงใจให้ลูกมีความพยายาม ไม่ถอดใจ และไม่หมดความหวังง่าย ๆ เพราะเด็กจะไม่สามารถอดทนและจดจ่อกับอะไรได้นาน โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอสิ่งที่ยากเกินความสามารถของตัวเอง

3. กระตุ้นให้ลูกน้อยมีส่วนร่วมในกิจกรรม

คุณพ่อคุณแม่ควรเปิดโอกาสให้ลูกได้ทำกิจกรรมและตัดสินใจร่วมกับผู้อื่น จะเป็นการทำให้ลูกรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า สนุกกับสิ่งที่สามารถเลือกเองได้ และฝึกการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นอีกด้วย

4. ให้ลูกน้อยอยู่ในสถานที่ที่แวดล้อมไปด้วยคนที่มีภาวะผู้นำ

ลูกน้อยวัยนี้จะเรียนรู้ได้จากการเลียนแบบพฤติกรรมของคุณพ่อคุณแม่ ดังนั้นการทำให้สภาพแวดล้อมของลูกน้อยรายล้อมไปด้วยคนที่มีภาวะผู้นำ หรือการที่คุณพ่อคุณแม่แสดงความเป็นผู้นำให้ลูกเห็นในสถานการณ์ที่ต้องการการตัดสินใจ จะเป็นการช่วยกระตุ้นให้ลูกมีพฤติกรรมเลียนแบบ และส่งเสริมให้ลูกมีภาวะของการเป็นผู้นำได้ในอนาคต

รู้ไหมว่า? คุณพ่อคุณแม่ถือเป็นส่วนสำคัญมาก ที่จะเสริมสร้างพัฒนาการด้านต่าง ๆ ทั้งสมอง ภูมิคุ้มกัน และ การเจริญเติบโตที่สมวัย เพื่อวางรากฐานให้ลูกน้อยพร้อมเป็นผู้นำรอบด้านได้ ด้วยการใส่ใจกับเรื่องการเลี้ยงดู และเรื่องโภชนาการอาหารของลูกเป็นพิเศษ

โภชนาการที่จำเป็นเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการผู้นำตัวน้อยแบบรอบด้าน

3 สารอาหารที่ช่วยเสริมสร้าง 3 พัฒนาการหลักของลูกน้อยในช่วงวัย 1 - 2 ขวบ ได้แก่

1. ดีเอชเอ (DHA) ช่วยในการพัฒนาสมอง ความคิด และการเรียนรู้

กรดไขมันจำเป็นในตระกูลโอเมก้า 3 ซึ่งร่างกายคนเราไม่สามารถสร้าง DHAเองได้ จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเท่านั้น DHAเป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา มีหน้าที่สำคัญในการทำงานของระบบประสาทและสมอง DHA จึงเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กวัย 1 - 2 ปี ที่ต้องใช้สมองและสายตามากเป็นพิเศษ เพื่อการเรียนรู้ด้านภาษา ฝึกทักษะความคิดต่าง ๆ เด็กในวัยนี้จึงควรได้รับ DHA ในปริมาณที่เหมาะสม ซึ่ง DHA พบมากในปลาทะเลน้ำเย็น เช่น ปลาแมคเคอเรล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน สาหร่ายทะเลบางชนิด เป็นต้น

2. แอลพีอาร์ หรือจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์แอลพีอาร์ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และทำให้มีสุขภาพแข็งแรง

แอลพีอาร์มีส่วนช่วยในการดูดซึมอาหาร ป้องกันโรคจากแบคทีเรียก่อโรค ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อระบบทางเดินอาหารและระบบทางเดินหายใจ รักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารทำให้ระบบขับถ่ายของลูกน้อยทำงานได้อย่างปกติ ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง พบได้ใน นม โยเกิร์ต เป็นต้น หากลูกน้อยมีภูมิคุ้มกันที่ดี ก็จะส่งผลให้มีร่างกายที่แข็งแรง พร้อมเรียน พร้อมเล่น อารมณ์ดี และไม่งอแง

3. แคลเซียม (Calcium) ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง เพื่อพัฒนาการด้านร่างกาย พร้อมลุยลงมือทำ

คุณพ่อคุณแม่ควรบำรุงกระดูกและฟันของลูกน้อยด้วยแคลเซียม เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของลูกน้อยแล้ว การได้รับแคลเซียมในปริมาณที่เพียงพอ จะช่วยลดการเกิดโรคกระดูกพรุนของลูกน้อยเมื่อโตได้ ซึ่งอาหารที่มีแคลเซียมสูง และร่างกายลูกสามารถดูดซึมได้ดีที่สุดคือ นม และผลิตภัณฑ์นม หากลูกน้อยได้รับแคลเซียมเพียงพอต่อความต้องการ จะส่งผลให้ลูกน้อยมีร่างกายที่แข็งแรง เจริญเติบโตสมวัยอีกด้วย

เพื่อผลลัพธ์ให้ลูกน้อยมีอนาคตที่ดีพร้อมเป็นผู้นำ และปูพื้นฐานความสำเร็จในเส้นทางที่ลูกชอบในอนาคต คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมพร้อมให้ลูกน้อยตั้งแต่วันนี้ นอกจากเทคนิคการเลี้ยงดู และ 3 สารอาหารสำคัญข้างต้น ที่ช่วยเสริม 3 พัฒนาการหลักของลูกแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลเรื่องโภชนาการให้ลูกได้รับประทานอาหารมื้อหลักให้หลากหลาย ครบทั้ง 5 หมู่ อย่างสมดุล และอย่าลืมเสริมด้วยนมสำหรับเด็กที่มีประโยชน์ อุดมไปด้วย 3 สารอาหารสำคัญต่อการสร้างพัฒนาการของเด็กในด้านต่าง ๆ ให้พัฒนาการทางด้านสมอง ภูมิคุ้มกัน และ การเจริญเติบโต ของลูกน้อยในแต่ละช่วงวัยพัฒนาได้อย่างเต็มที่ ให้ลูกเติบโต แข็งแรง เฉลียวฉลาดสมวัย พร้อมที่จะเป็นผู้นำตัวน้อยรอบด้าน