MyFeed Personalized Content
พัฒนาการลูก 0-36 เดือน
บทความ

PLAYING: วิธีดูแล? ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ร้องไห้ไม่หยุด

Add this post to favorites

วิธีดูแล? ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ร้องไห้ไม่หยุด

เวลาที่ทารกร้องไห้อาจทำให้คุณรู้สึกสงสาร กังวล เครียด ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร แต่จริงๆแล้วเป็นเรื่องปกติที่ลูกจะร้องไห้มากในเดือนแรกๆ และเป็นหนึ่งในวิธีที่ลูกสื่อสารกับคุณ

2นาที อ่าน

คุณแม่มือใหม่หลายท่านคงกำลังประสบปัญหา ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ซึ่งเด็กเล็กนั้น เขายังไม่สามารถพูดคุย หรือสื่อสารอะไรกับคุณได้ การร้องไห้จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ลูกใช้เพื่อสื่อสารกับคุณแม่ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าการที่ลูกร้องไม่หยุดและร้องไห้ไม่มีสาเหตุนั้น ลูกน้อยกำลังจะบอกอะไรคุณ คุณแม่มือใหม่หลายท่านคงกำลังประสบปัญหา ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ซึ่งเด็กเล็กนั้น เขายังไม่สามารถพูดคุย หรือสื่อสารอะไรกับคุณได้ การร้องไห้จึงเป็นหนึ่งในวิธีที่ลูกใช้เพื่อสื่อสารกับคุณแม่ วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่าการที่ลูกร้องไม่หยุดและร้องไห้ไม่มีสาเหตุนั้น ลูกน้อยกำลังจะบอกอะไรคุณ

ลูกร้องไห้

ลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ ร้องไห้ไม่หยุดเกิดจากอะไร?
 

• หิว
• ถูกกระตุ้นมากเกินไป
• เหนื่อย หรือล้ามากเกินไป
• ถ่ายอุจจาระ
• ไม่สบายตัว (ร้อนเกินไป หนาวเกินไป ป่วย ท้องอืด หรือมีลมในท้อง
 

1. ลูกร้องไห้ไม่หยุดเพราะหิว
 

• ถ้าคุณเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ทารกแรกเกิดจะกินนมแม่ทุก 2 - 3 ชั่วโมงในตอนกลางวัน และเมื่อเขาตื่นในตอนกลางคืน ลูกน้อยจะส่งสัญญาณที่บอกคุณแม่ว่าเขาหิว (ยกเว้นแพทย์มีคำแนะนำอื่น ๆ)
• กระตุ้นให้ลูกตื่นในขณะที่ให้นม เพื่อให้มั่นใจว่าลูกได้สารอาหารและดูดนมจนอิ่มแล้ว
• คุณอาจต้องปลุกลูกของคุณให้ตื่นขึ้นมาดูดนม ถ้าลูกนอนหลับนานเกินไป
• ตรวจดูให้แน่ใจว่าลูกอมและดูดนมจากเต้าได้ดี เพราะถ้าไม่ใช่ ลูกอาจรู้สึกเหนื่อยก่อน และดูดนมไม่พอ
• ชั่งน้ำหนักตัวลูกเมื่อเขาอายุหนึ่งถึงสองเดือน เพื่อให้แน่ใจว่าลูกมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสม
 

2. ลูกร้องไห้ไม่หยุดเพราะถูกกระตุ้นมากเกินไป
 

• หลังให้นมลูกเสร็จแล้ว ควรปล่อยให้ลูกได้เคลื่อนไหวเป็นอิสระไม่ต้องอุ้มเขาไว้ เด็กแต่ละคนมีนิสัยต่างกัน จึงต้องการการสัมผัสที่ไม่เท่ากัน
• ควรระวังว่าลูกอาจพบว่าแสง กลิ่น หรือเสียงในสถานที่ต่าง ๆ นอกบ้าน ทำให้เขากลัว รู้สึกไม่ปลอดภัยและร้องไห้ เขาอาจร้องไห้ระหว่างที่เดินทาง หรือร้องหลังกลับมาถึงบ้านแล้ว
• พยายามจำกัดเวลาที่ลูกจะถูกคนหลาย ๆ คนผลัดเปลี่ยนกันเข้ามากอด เพราะการถูกกอดมากเกินไปจากคนหลาย ๆ คน ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยได้
 

3. ลูกร้องไห้ไม่หยุดเพราะรู้สึกเหนื่อยล้า
 

• ให้ลูกมีโอกาสได้นอนอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะ ๆ ส่งสัญญาณให้ลูกรู้ว่าถึงเวลาเข้านอนแล้ว เช่น การห่อตัว หรือการให้จุกนมปลอม การดูดอาจช่วยให้เด็กบางคนรู้สึกผ่อนคลาย
• คอยสังเกต หรือมองดูสัญญาณแสดงความเหนื่อยล้า เช่น การเขย่าแขนหรือขา หน้าตาบูดบึ้ง การหาว ไม่สบตา และการกำมือ สัญญาณเหล่านี้แสดงว่าลูกของคุณพร้อมจะเข้านอนแล้ว
• ไม่ควรละเลยสัญญาณแสดงความอ่อนล้าที่ลูกแสดงออกมา เพราะมันคือโอกาสที่ช่วยให้ลูกนอนหลับได้ง่ายขึ้น ถ้าลูกเหนื่อยมากเกินไปเขาก็มักนอนหลับได้สั้นลง และถ้าเขาตื่นนอนเร็วเกินไป คุณควรกล่อมให้เขาหลับต่อ
• ถ้าลูกของคุณเหนื่อยมากเกินไป เขาจะไม่ค่อยตั้งใจดูดนมจากขวดหรือดูดนมจากเต้า จึงควรป้อนนมให้ลูกทันทีเมื่อเขาตื่น แทนที่จะป้อนนมในขณะที่ลูกกำลังจะหลับ
• ถ้าลูกของคุณร้องไห้ อย่าปล่อยให้ลูกร้องไห้อยู่คนเดียวในเปล คุณควรกอดเขา ช่วยทำให้เขาสงบ และอบอุ่น
 

4. ลูกร้องไห้ไม่หยุดก่อนการถ่ายอุจจาระ
 

• ลูกอาจร้องไห้ก่อนจะถ่ายอุจจาระ คุณแม่ควรสังเกตว่ามีเลือด มูก ฟอง หรือแผลที่ก้น หรือไม่ เพราะถ้าทารกมีสัญญาณเหล่านี้ อาจจำเป็นต้องได้รับการดูแลโดยแพทย์
 

5. ลูกร้องไห้ไม่หยุดเพราะรู้สึกไม่สบายตัว
 

• การนวดลูกทุกวันจะช่วยให้ลูกน้อยสงบและผ่อนคลาย
• ให้นำลูกไปรับการตรวจว่ามีอาการกรดไหลย้อนหรือไม่ ถ้าลูกมีอาการเหล่านี้
- ตกใจง่าย และร้องไห้บ่อย
- นอนหงายแล้วไม่สบายตัว
- ร้องเสียงดังหลังจากอาเจียน
- ดื่มและกลืนของเหลวอึกใหญ่ แม้ว่าจะไม่ได้ให้ดูดนม
- สะอึกบ่อย ๆ
- มีปัญหานอนหลับยาก
• สังเกตอาหารที่อาจทำให้ลูกแพ้ มีอาการที่เห็นได้ชัดเจนบางอย่าง ที่บุคลากรทางการแพทย์สามารถใช้ในการประเมินได้ โดยอาการดังกล่าวอาจรวมถึง ผื่นแพ้ผิวหนังอักเสบ การมีผื่นคัน การมีสะเก็ดสีเหลืองเข้มอยู่บนหนังศีรษะ การอาเจียน ท้องเสียสลับกับท้องผูก การมีลมและท้องอืดมากผิดปกติ
• อย่าป้อนนมให้ลูกมากเกินไป
• เพื่อให้แน่ใจว่าลูกไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป คุณแม่ควรสวมเสื้อผ้าที่หนากว่าตัวเองสัก 1 ชั้นให้กับลูก
• ลองใช้จุกนมปลอม การได้ดูดนมอาจช่วยให้เด็กบางคนรู้สึกดีขึ้น
• ร้องเพลง หรืออ่านหนังสือให้ลูกฟัง เสียงของคุณแม่ที่เปล่งออกมาเป็นท่วงทำนองจะช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลายได้
• สังเกตว่ามีไข้ ง่วงซึม หรือถ่ายปัสสาวะน้อยกว่าวันละ 6 ครั้งหรือไม่ ถ้ามีอาการเหล่านี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ควรนำลูกไปพบแพทย์
 

6. ลูกร้องไห้ไม่หยุดจากอาการปวดท้องท้องอืด
 

• อาการท้องอืดเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ลูกน้อยของคุณรู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว และร้องไห้ไม่หยุด เกิดจากการมีแก๊สสะสมในกระเพาะอาหารมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นผลมาจากหลายปัจจัย เช่น ลูกดื่มนมช้าหรือเร็วเกินไป ดื่มนมที่มีฟองอากาศ คุณแม่ต้องหมั่นสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าลูกน้อยท้องอืด เพื่อบรรเทาอาการในเบื้องต้นและช่วยให้ลูกหยุดร้องไห้ อีกทั้งในเด็กเล็กๆ นั้น ระบบทางเดินอาหารยังทำงานไม่สมบูรณ์
• กรณีที่ลูกท้องอืด และคุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ ควรปรึกษากุมารแพทย์เกี่ยวกับโพรไบโอติกส์ หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์อย่าง แอลพีอาร์ ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่พบได้ในนมแม่ และการให้ใยอาหาร ช่วยให้ระบบทางเดินอาหารและระบบขับถ่ายของลูกแข็งแรง และทำงานได้อย่างปกติ ลดอาการท้องผูก ลูกไม่ถ่าย ซึ่งอาจทำให้ลูกมีอาการท้องอืด สังเกตุได้จากทารกที่ได้รับนมแม่จะมีอาการดังกล่าวน้อยกว่า นอกจากนั้นยังช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เสมอ

ลูกน้อยร้องไห้

ลูกน้อยร้องไห้แบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ?


โดยปกติ เมื่อลูกอายุประมาณ 6 - 8 สัปดาห์ จะร้องไห้เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง และหลังจากนั้นเมื่ออายุได้ 10 - 12 สัปดาห์ ลูกจะร้องไห้น้อยลงเหลือประมาณวันละ 1 ชั่วโมง ซึ่งการร้องไห้ไม่ได้มีผลเสียใด ๆ ต่อร่างกายหรือพัฒนาการของลูกน้อย
แต่ถ้าหากเด็ก ๆ ร้องไห้แบบผิดปกติ หรือที่เรียกว่า อาการโคลิก โดยเฉพาะเด็กแรกเกิดอายุประมาณ 2 - 3 สัปดาห์ไปจนถึง 3 เดือน เด็กจะร้องไห้โดยไม่มีสาเหตุ ร้องไห้มากและนานมากกว่า 3 ชั่วโมงภายในวันเดียว ลูกอาจเกร็งหลัง และไม่ต้องการให้อุ้ม ใช้วิธีปลอบตามปกติไม่ได้ผล คุณแม่ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการรักษาการร้องโคลิก


รับมืออย่างไร เมื่อลูกร้องไห้ไม่มีสาเหตุ?
 

• หมั่นสังเกตอาการร้องไห้ไม่หยุดของลูกน้อยว่ามาจากอะไร
• สร้างเครือข่ายสังคมกับพ่อแม่คนอื่น ๆ ที่มีลูกเล็ก ๆ เหมือนกัน
• คุณแม่ต้องหาเวลาพักผ่อนทุกวัน โดยควรเป็นเวลาเดียวกันกับที่ลูกพัก
• คุณแม่ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• กล่อมด้วยการอุ้มแล้วโยกไปมาเบา ๆ
• ร้องเพลงกล่อมเบา ๆ หรือเปิดเพลงให้ลูกเคลิ้มหลับหรือรู้สึกผ่อนคลาย
• ถ้าคุณอยู่คนเดียว และเวลาที่ลูกร้องไห้ทำให้คุณรู้สึกวิตกกังวลหรือท้อแท้อย่างมาก ให้คุณวางลูกลงในที่ปลอดภัยบนที่นอนของเขา แล้วออกไปจากห้องจนกว่าคุณจะรู้สึกสงบขึ้น โทรหาใครสักคนเพื่อขอความช่วยเหลือ เพราะถ้าคุณอารมณ์ไม่ดี ก็อาจเผลอเขย่าลูกแรง ๆ ซึ่งอาจทำให้เกิดอันตรายได้
• ดึงดูดความสนใจลูกจากการร้องไห้ด้วยการพาไปเดินเล่นนอกบ้าน ชมวิว เปลี่ยนบรรยากาศ