เขียนและตรวจทานความถูกต้องโดย อ.ปิยวรรณ วงศ์วสุ อาจารย์ประจำกลุ่มวิชาด้านอาหารและโภชนาการ
ทำความรู้จักกับโพรไบโอติกส์ หนึ่งในคุณประโยชน์จากธรรมชาติในน้ำนมแม่ เพื่อระบบภูมิคุ้มกัน ระบบหายใจ ทางเดินอาหาร และสมองที่ดีสำหรับลูกน้อย
หลายคนอาจจะได้ยินคำว่าโพรไบโอติกส์ (Probiotics) กันในฐานะของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสารเสริมภูมิคุ้มกันในอาหารกันมาก่อน แต่ทราบไหมคะ ว่าความจริงแล้วในน้ำนมแม่เองก็มีโพรไบโอติกส์ อยู่เช่นกัน แถมยังมีข้อดีต่อลูกน้อยหลายประการ นับเป็นอีกหนึ่งคุณประโยชน์จากนมแม่ที่ทำให้เราอยากสนับสนุนให้คุณแม่ทุกคนเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ค่ะ
โพรไบโอติกส์ คือ อะไร
โพรไบโอติกส์ คือ “จุลินทรีย์ที่มีชีวิต เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วสามาถก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพได้” แม้คนส่วนใหญ่พอได้ยินคำว่า “จุลินทรีย์” แล้วจะนึกถึงเชื้อโรคที่เป็นอันตราย แต่ความจริงแล้วมีจุลินทรีย์หลายชนิดที่อาศัยอยู่ในร่างกายเราและสร้างประโยชน์หลากหลาย เช่น ช่วยย่อยสารอาหารที่ร่างกายย่อยเองไม่ได้ กำจัดเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค หรือแม้แต่ผลิตวิตามินบางชนิดค่ะ
จากการศึกษาส่วนใหญ่พบว่า การรับประทานโพรไบโอติกส์อาจมีส่วนช่วยในการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในลำไส้ โดยเฉพาะการลดจำนวนเชื้อแบคทีเรียก่อโรคในระบบทางเดินอาหาร อันเป็นสาเหตุของอาการท้องอืด ท้องเสีย ทำให้สุขภาพของลำไส้ดีขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ระบบทางเดินหายใจ ระบบทางเดินอาหาร และสมองให้ดีขึ้นด้วย โดยตัวอย่างของจุลินทรีย์ที่จัดเป็นโพรไบโอติกส์ที่มีประโยชน์ ก็คือแบคทีเรียกลุ่มที่เราคุ้นหูอย่างแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) และบิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacterium) นั่นเอง สำหรับแหล่งของโพรไบโอติกส์จากอาหารธรรมชาติ มักพบในอาหารที่ผ่านกระบวนการหมัก เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว มิโสะ กิมจิ และเทมเป้ เป็นต้น
โพรไบโอติกส์ [จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์] ที่พบในนมแม่ เป็นแบบไหน
โพรไบโอติกส์ในนมแม่นั้น พบได้ทั้งในกลุ่มแลคโตบาซิลลัสและบิฟิโดแบคทีเรีย เช่น สายพันธุ์ Lactobacillus reuteri สายพันธุ์ Lactobacillus rhamnosus (LPR) และสายพันธุ์ Bifidobacterium lactis, Bifidobacterium longum เมื่อลูกได้รับนมแม่ ลูกน้อยจะได้รับโพรไบโอติกส์ทางปากผ่านเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ จุลินทรีย์เหล่านี้จะเพิ่มจำนวนขึ้นในลำไส้ของลูก เพื่อช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
แล้วพรีไบโอติกส์ล่ะ คืออะไร ทำไมมักได้ยินคู่กัน
พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) เป็นชื่อเรียกอาหารของโพรไบโอติกส์ โดยเป็นกลุ่มของสารที่ร่างกายไม่สามารถย่อยและดูดซึมได้ แต่จุลินทรีย์ที่ดีในร่างกายสามารถย่อยสลายและนำมาใช้ประโยชน์ จนทำให้จุลินทรีย์เหล่านั้นมีประสิทธิภาพการทำงานภายในร่างกายเราได้ดีขึ้น ตัวอย่างของสารที่จัดเป็นพรีไบโอติกส์ เช่น ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Fructo-oligosaccharides) กาแลคโตโอลิโกแซคคาไรด์ (Galacto-Oligosaccharides) และแป้งที่ทนต่อการย่อย (Resistant starch) เป็นต้น
พรีไบโอติกส์พบได้ตามพืชผักผลไม้ทั่วไป โดยเฉพาะชนิดที่มีใยอาหารสูง เช่น ข้าวโอ๊ต แอปเปิ้ล กล้วย หน่อไม้ฝรั่ง นอกจากนั้นในนมแม่ก็มีพรีไบโอติกส์เช่นกัน โดยเป็นสารกลุ่มโอลิโกแซคคาไรด์ที่มีชื่อ เรียกว่า Human Milk Oligosaccharides (HMOs) ดังนั้น ในการดูดนมแม่แต่ละครั้ง นอกจากจะได้รับโพรไบโอติกส์ในนมแม่แล้ว ลูกน้อยยังได้รับพรีไบโอติกส์ในนมแม่เข้าไปด้วย ซึ่งก็จะช่วยส่งเสริมให้การทำงานของโพรไบโอติกส์ให้ดียิ่งๆ ขึ้นไปค่ะ
โพรไบโอติกส์ในนมแม่ ดีกับลูกน้อยอย่างไร
เมื่อแรกลืมตาดูโลก ทารกทุกคนล้วนต้องการจุลินทรีย์เพื่อค่อยๆ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง โดยทารกที่คลอดธรรมชาติจะได้รับจุลินทรีย์กลุ่มแรกจากช่องคลอดของมารดา จากนั้นร่างกายเค้าก็จะได้รู้จักกับจุลินทรีย์ต่างๆ เพิ่มขึ้นจากการได้รับนมแม่ จนไปถึงอาหารเสริมตามวัยหลัง 6 เดือน นมเสริมตามวัยสำหรับเด็กอายุ 1 ปี รวมทั้งมื้ออาหารที่รับประทานเมื่อค่อยๆ เติบโตขึ้น ที่เป็นส่วนหนึ่งของพัฒนาการตามช่วงวัยที่เหมาะสม
บทบาทที่สำคัญของจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ (ร่วมกับพรีไบโอติกส์) จากนมแม่ต่อลูกน้อย
• การเพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ประจำถิ่นในระบบทางเดินอาหาร และเสริมสร้างความแข็งแรงให้แก่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยระบบทางเดินอาหารนั้นจัดว่าเป็นระบบอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันที่ใหญ่ที่สุด เพราะเป็นเสมือนด่านหน้าที่รับสารต่างๆ จากภายนอกเข้าสู่ร่างกาย (ในรูปของอาหาร)
• การสร้างสภาวะให้ระบบทางเดินอาหารมีปริมาณของจุลินทรีย์ที่สมดุลในทารกจึงช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อต่างๆ ได้ ช่วยต่อต้านเชื้อก่อโรค บรรเทาอาการท้องผูก ท้องเสีย เพิ่มการสร้างสารที่ช่วยลดการอักเสบและสารช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
• มีการศึกษาที่พบว่าโพรไบโอติกส์ที่พบในนมแม่ อาจเกี่ยวข้องกับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคภูมิแพ้ในทารกอีกด้วย1,2,3
ตัวอย่างโพรไบโอติกส์ในนมแม่ที่พบว่ามีประโยชน์ต่อลูกน้อย ก็เช่น จุลินทรีย์ในกลุ่มแลคโตบาซิลลัสอย่าง LPR ซึ่งเป็นจุลินทรีย์สายพันธ์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เพราะมีงานวิจัยทางการแพทย์รองรับมากที่สุด ซึ่งนอกจากจะมีประโยชน์ต่อระบบภูมิคุ้มกันแล้ว ยังมีการศึกษาพบว่า LPR มีผลดีต่อระบบทางเดินหายใจของเด็ก (ศึกษาในเด็กอายุ 1-7 ปี) โดยช่วยลดการเจ็บป่วยด้วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น โรคหวัด น้ำมูกไหล ซึ่งพบได้บ่อยในเด็กที่เริ่มเข้าโรงเรียน นอกจากนั้นยังมีการศึกษาพบว่าจุลินทรีย์กลุ่มดังกล่าวอาจมีผลดีต่อการทำงานของสมอง ผ่านการมีส่วนร่วมในการสร้างสารสื่อประสาทในสมองอีกด้วย9,10
จะเห็นได้ว่าประโยชน์ของนมแม่ ไม่เพียงแต่เป็นแหล่งของอาหารให้ลูกน้อยเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวสร้างเกราะป้องกันให้เค้ามีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ลูกควรได้รับนมแม่อย่างเดียว ตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 เดือน และควรได้รับนมแม่ต่อเนื่องไปจนลูกอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO)6 เพื่อให้ลูกน้อยยังคงได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์จากนมแม่อยู่ค่ะ
เอกสารอ้างอิง
1. Sepehri, S., Khafipour, E., & Azad, M. B. (2018). The Prebiotic and Probiotic Properties of Human Milk: Implications for Infant Immune Development and Pediatric Asthma. Frontiers in pediatrics, 6, 197. https://doi.org/10.3389/fped.2018.00197
2. Lara-Villoslada, F., Olivares, M., Sierra, S., Miguel Rodríguez, J., Boza, J., & Xaus, J. (2007). Beneficial effects of probiotic bacteria isolated from breast milk. British Journal of Nutrition, 98(S1), S96-S100. doi:10.1017/S0007114507832910
3. Sestito, S., D'Auria, E., Baldassarre, M. E., Salvatore, S., Tallarico, V., Stefanelli, E., Tarsitano, F., Concolino, D., & Pensabene, L. (2020). The Role of Prebiotics and Probiotics in Prevention of Allergic Diseases in Infants. Frontiers in pediatrics, 8, 583946. https://doi.org/10.3389/fped.2020.583946 Moossavi, S., Miliku, K.,
4. Hojsak, I., Snovak, N., Abdovic, S., Szajewska, H., Mišak, Z., & Kolaček, S. (2010). Lactobacillus GG in the prevention of gastrointestinal and respiratory tract infections in children who attend day care centers: a randomized, double-blind, placebo-controlled trial. Clinical nutrition, 29 3, 312-6.
5. Strandwitz P. (2018). Neurotransmitter modulation by the gut microbiota. Brain research, 1693(Pt B), 128–133. https://doi.org/10.1016/j.brainres.2018.03.015
6. World Health Organization. (2021). infant and young child feeding. Retrieved from https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/infant-and-young-child-feeding
7. Davani-Davari, D., Negahdaripour, M., Karimzadeh, I., Seifan, M., Mohkam, M., Masoumi, S. J., Berenjian, A., & Ghasemi, Y. (2019). Prebiotics: Definition, Types, Sources, Mechanisms, and Clinical Applications. Foods (Basel, Switzerland), 8(3), 92. https://doi.org/10.3390/foods8030092
8. The National Center for Complementary and Integrative Health. (2019). Probiotics: What You Need To Know. Retrieved from https://www.nccih.nih.gov/health/probiotics-what-you-need-to-know
9. Mayer EA, et al. Nat Rev Neurosci. 2011 Jul13;12(8): 453-66.
10. Van Oudenhove L, et al. Best Pract Res Clin Gastroenterol. 2004 Aug; 18(4):663-80.